การตั้งราคาขาย การซื้อขายในระบบผ่อนชำระ ดอกเบี้ย
การตั้งราคาขาย
ในการขายสินค้า ผู้ขายมักจะตั้งราคาขายให้สูงกว่าต้นทุนไว้ ส่วนที่สูงกว่าต้นทุน เรียกว่า มาร์คอัพ (Mark up)
ตัวอย่างที่ 1 บุญเลิศซื้อวิทยุมาเครื่องหนึ่งราคา 1,000 บาท ต้องการขายต่อจึงกำหนดมาร์คอัพไว้ 200 บาท บุญเลิศจะต้องตั้งราคาไว้เท่าไหร่
วิธีทำ ราคาขาย = ต้นทุน + มาร์คอัพ
= 1,000 + 200
= 1,200 บาท
การหามาร์คอัพอาจใช้อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบกับต้นทุนหรือเทียบกับราคาขายได้ดังนี้
มาร์คอัพ = ต้นทุน * อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบกับต้นทุน
หรือ มาร์คอัพ = ราคาขาย* อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบกับราคาขาย
ตัวอย่างที่ 2 บุญมาลงทุนซื้อโทรศัพท์ในราคา 8,000 บาท บุญมาต้องการขายโดยกำหนดอัตรามาร์คอัพ 30% เมื่อเทียบกับต้นทุน มาร์คอัพเป็นเท่าไหร
วิธีทำ มาร์คอัพ = ต้นทุน * อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบกับต้นทุน
= 8,000 * 30%
= 2,4000 บาท
ตัวอย่างที่ 3 พ่อค้าขายเสื้อโดยมีต้นทุนตัวละ 150 บาท พ่อค้าตั้งราคาขาย โดยกำหนดมาร์คอัพ 30% เมื่อเทียบต้นทุน อยากทราบว่าพ่อค้าตั้งราคาขายเสื้อตัวละเท่าไหร่
วิํธีทำ อัตรามาร์คอัพ 30% เมื่อเทียบต้นทุน หมายความว่า
ต้นทุนราคา 100 บาท มาร์คอัพเท่ากับ 30 บาท
รายคาขายเท่ากับ 100 + 30 = 130
ต้นทุน 100 บาท ราคาขาย 130 บ.
ต้นทุน 1 บาท ราคาขาย 130 100
ต้นทุน 150 บาท ราคาขาย 130 x 150
100
= 195 บาท
ตัวอย่างที่ 4 ต้นทุนของเค้ก 3 ปอนด์ ราคา 450 บาท ผู้ขายต้องการอัตรามาร์คอัพ 40% เมื่อเทียบกับราคาขาย อยากทราบว่าผู้ขายจะตั้งราคาขายเท่าไหร่
วิธีทำ 1 อัตรามาร์คอัพ 40% เมื่อเทียบกับราคาขาย หมายความว่า ราคาขาย 100 บาท
มาร์คอัพเท่ากับ 40 บาท แสดงว่าต้นทุนเท่ากับ 100 - 40 = 60
(มาร์คอัพ หมายความว่า ราคาขายต้องเกินต้นทุน)
จะได้ ราคาขาย = 100 ต้นทุน 60
ราคาขาย = 100 x 540 60
= 960 บาท
วิธีทำ 2 ต้นุทน 60 บาท ราคาขาย 100 บาท
ต้นทุน 1 บาท ราคาขาย 100
60
ต้นทุน 540 บาท ราคาขาย 100 x 540 60
= 960 บาท
ตัวอย่างที่ 5 พ่อค้าตังราคาขาบวิทยุเครื่องหนึ่งราคา 1,200 บาท โดยที่ต้นทุนราคา 900 บาท จงหาว่า อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบราคาขาย และอัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบกับต้นทุน เป็นเท่าไหร่
วิธีทำ มาร์คอัพ = ราคาขาย - ต้นทุน
= 1,200 - 900
= 300 บาท
อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบราคาขาย = มาร์คอัพ ราคาขาย
= 300 = 0.25 x 100 = 25%
1,200
ดังนั้น อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบราคาขาย เท่ากับ 25%
อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบกับต้นทุน = มาร์คอัพ ต้นทุน
= 300 = 0.3333 x 100 = 33.33%
900
ดังนั้น อัตรามาร์คอัพเมื่อเทียบกับต้นทุน เท่ากับ 33.33%
เนื่องจากสินค้าล้าสมัย สินค้ามีตำหนิ ต้องการลดราคาหรือมีการแข่งขันกันระหว่างร้านค้าด้วยกัน ผู้ขายจึงจำเป็นต้องตั้งราคาขายใหม่ให้ต่ำกว่าราคาเดิม ราคาสินค้าส่วนที่ลดลงจากราคาขายเดิม เรียกว่า มาร์คดาวน์
ดังนั้น มาร์คดาวน์ = ราคาขายเดิม - ราคาขายใหม่
หรือ ราคาขายใหม่ = ราคาขายเดิม - มาร์คดาวน์
การหามาร์คดาวน์ อาจใช้อัตรามาร์คดาวน์เมื่อเทียบกับราคาขายได้ดังนี้
มาร์คดาวน์ = ราคาขายเดิม x อัตรามาร์คดาวน์เมื่อเทียบกับราคาขายเดิม
มาร์คดาวน์ = ราคาขายใหม่ x อัตรามาร์คดาวน์เมื่อเทียบกับราคาขายใหม่
ตัวอย่างที่ 6 บุญสมตั้งราคาขายพัดลมไว้ราคา 1,500 บาท ต่อมาตั้งราคาขายใหม่ โดยตั้งราคาไว้ 1,300 บาท มาร์คดาวน์เท่ากับเท่าไหร่
วิธีทำ มาร์คดาวน์ = ราคาขายเดิม - ราคาขายใหม่
= 1,500 - 1,300
= 200 บาท
ตัวอย่างที่ 7 บุญลือตั้งราคาขายเตารีดไว้ราคา 560 บาท ต่อมาต้องการตั้งราคาขายใหม่โดยกำหนดอัตรามาร์คดาวน์ไว้ 20% เมื่อเทียบกับราคาขายเดิม มาร์คดาวน์เท่ากับเท่าไหร่
วิธีทำ มาร์คดาวน์ = ราคาขายเดิม x อัตรามาร์คดาวน์เมื่อเทียบกับราคาขายเดิม
= 560 x 20%
= 112 บาท
ตัวอย่างที่ 8 บุญสามตั้งราคาขายพัดลมไว้ราคา 12,000 บาท ต่อมาต้องการตั้งราคาขายใหม่ โดยกำหนดอัตรามาร์คดาวน์ไว้ 20% เมื่อเทียบกับราคาขายเดิม จงหาว่า ราคาขายใหม่เป็นเท่าไหร่
วิธีทำ 1 อัตรามาร์คดาวน์ 20% เมื่อเทียบราคาขายเดิม หมายความว่า ราคาขายเดิม 100 บาท มาร์คดาวน์เท่ากับ 20 บาท แสดงว่าราคาขายใหม่เท่ากับ 100 - 20 = 80 บาท (มาร์คดาวน์ หมายความว่า ราคาขายใหม่ต้องน้อยกว่าราคาขายเดิม )
ขอบพระคุณมากค่ะ
ตอบลบขอถามนะค่ะ บุญนำซื้อเก้าอี้มาตัวละ210บาท ถ้าต้องการมาร์กอัป90บาท จงหาราคาขายต้องเอาอะไรมาคิดคะ
ตอบลบถามหน่อยค่ะ ร้านเพ็ญตั้งราคาขายรองเท้าชนิดหนึ่งโดยคิดมาร์คอัพ40%ของราคาทุนต่อมาลดราคาขายลง20%ของราคาขายเดิม ถ้าราคาทุนของรองเท้าคู่ละ650บาทจงหา
ตอบลบ1)ราคาขายใหม่
2)อัตรามาร์คอัพเทียบกับราคาทุน
3)อัตรามาร์คดาวน์เทียบกับราคาขายใหม่