ในวงการธุรกิจ เมือกิจการมีขนาดใหญ่ ขึ้นจำเป็นต้องอาศัยทุน
เป็นจำนวนมาก จึงระดมเงินทุน โดยแบ่งทุนออกเป็นหุ้น ๆ ให้
ประชาชนทั่วไปซื้อหุ้นหรืออาจจะกู้เงินประชาชน ซึ่งจะแบ่งเงินที่กู้
ออกเป็นหุ้น ๆ นอกจากนี้อาจจะมีการจัดตั้งกองทุนรวม เพือระดม
เงินทุนไปลงทุนอีกต่อหนึ่ง และประชาชนที่เข้าร่วมลงทุนจะได้รับ
ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล ดอกเบี้ยหรือกำไรจากการขายแล้วแต่ชนิดของหลักทรัพย์
ชนิดของหลักทรัพย์
หลักทรัพย์ คือตราสารซึ่งแสดงสิทธิในทรัพย์สิน หลักทรัพย์
ทางการเงินที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้ แก่
- หุ้นสามัญ
- ห้ ุนบุริมสิทธิ
- หุ้นกู้
- พันธบัตร
- หน่วยลงทุน
ผลตอบแทนที่ได้ รับจากการลงทุนในหลักทรัพย์
• เงินปันผล
ผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิและหน่วยลงทุนจะได้ รับ
เงินปันผลมีดังนี้ั
- หุ้นบุริมสิทธิ
ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิมสิทธิได้ รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
เงินปันผลต่อหุ้นของหุ้นบุริมสิทธิ = อัตราเงินปันผล × มูลค่าทีตรา
ไว้
- หุ้นสามัญ แบ่งเป็ น 2 กรณี คือ
* บริษทมีหุ้นสามัญเพียงอย่างเดียว
เงินปันผลต่อหุ้นของหุ้นสามัญ = เงินปันผลทั้งหมด
จำนวนหุ้นสามัญ
* * บริษทมีทั้งหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ
เงินปันผลต่อหุ้นของหุ้นสามัญ = เงินปันผลทั้งหมด - เงินปันผลของหุ้นบุริมสิทธิ
จำนวนหุ้นสามัญ
ตัวอย่าง 1.บริษทแห่งหนึ่งมีหุ้นบุริมสิทธิ 5,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 125 บาท สิ้นปี บริษัทจ่ ายเงินปันผลในอัตรา 8 % บริษทจะต้องจ่ายเงินปันผลหุ้นละเท่าไร
วิธีทำ
เงินปันผลต่อหุ้นบุริมสิทธิ = อัตราเงินปันผล × มูลค่าทีตราไว้
= 8% × 125 บาท
= 10บาท
หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล
ผู้ถอหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาลจะได้ รับผลตอบแทนคือ ดอกเบี้ย แบ่ง เป็น 2 ประเภท คือ จ่ายดอกเบี้ยประจำ และดอกเบี้ยทบต้น
5
ตอบลบ